close

วันไวท์เดย์ (White Day) วันแห่งการตอบแทนความรัก สีขาวแห่งความบริสุทธิ์

วันไวท์เดย์ (White Day)

ความเป็นมาของ วันไวท์เดย์ (White Day)

รู้ไหมว่าจุดเริ่มต้นของ วันไวท์เดย์ (White Day) นั้นมาจากไอเดียเก๋ๆ ของบริษัทขนมในญี่ปุ่นชื่อ Ishimuramanseido เมื่อปี 1978 พวกเขาสังเกตเห็นว่าในวันวาเลนไทน์ สาวๆ ญี่ปุ่นจะเป็นฝ่ายมอบช็อกโกแลตให้หนุ่มๆ จากจุดนี้เอง พวกเขาจึงคิดว่า “ทำไมไม่สร้างโอกาสให้ผู้ชายได้ตอบแทนความรู้สึกดีๆ นี้บ้างล่ะ?” เริ่มแรกพวกเขาเรียกวันนี้ว่า “Marshmallow Day” พร้อมกับเปิดตัวมาร์ชเมลโล่สีขาวนุ่มๆ เป็นสินค้าหลัก ต่อมาชื่อนี้ได้วิวัฒนาการกลายเป็น ไวท์เดย์ “White Day” และกลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วในญี่ปุ่น ก่อนที่กระแสความหวานนี้จะแพร่กระจายไปยังประเทศเพื่อนบ้านในแถบเอเชียตะวันออก นี่แหละคือที่มาของวันพิเศษที่ทำให้หนุ่มๆ ได้มีโอกาสตอบแทนน้ำใจสาวๆ ด้วยของขวัญสีขาวบริสุทธิ์ในทุกวันที่ 14 มีนาคม

ความหมายและสัญลักษณ์

สีขาวใน ไวท์เดย์ มีความหมายพิเศษหลายประการ ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น สีขาวเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ความจริงใจ และความสะอาดบริสุทธิ์ของจิตใจ การเลือกใช้สีขาวสำหรับวันนี้จึงสื่อถึงการตอบแทนความรู้สึกด้วยความจริงใจและบริสุทธิ์ใจ

นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดที่เรียกว่า “sanbai gaeshi” หรือ “การตอบแทนสามเท่า” ซึ่งเป็นธรรมเนียมไม่เป็นทางการที่ผู้ชายควรให้ของขวัญที่มีมูลค่าประมาณ 2-3 เท่าของสิ่งที่ได้รับในวันวาเลนไทน์ แนวคิดนี้สะท้อนถึงความสำคัญของการแสดงความขอบคุณและการให้เกียรติต่อความรู้สึกที่ได้รับ

การเฉลิมฉลองในประเทศต่างๆ

  • ญี่ปุ่น – ต้นกำเนิดแห่งความหวาน
    ในฐานะประเทศต้นกำเนิด White Day ญี่ปุ่นจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ทุกปี ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม ร้านค้าและห้างสรรพสินค้าจะเนรมิตพื้นที่ให้เต็มไปด้วยสีขาวบริสุทธิ์ มีการจัดโซนพิเศษสำหรับของขวัญ White Day โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแลตขาวจากแบรนด์ดัง ขนมหวานที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ หรือเครื่องประดับสุดหรูร้านค้าในย่านชินจูกุและชิบูย่าจะจัดโปรโมชั่นพิเศษ มีการสาธิตการทำขนมและจัดกิจกรรมให้คู่รักได้ร่วมสนุก บางห้างยังมีบริการห่อของขวัญสไตล์ญี่ปุ่นแบบพิเศษ พร้อมการ์ดที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ White Day โดยเฉพาะ
  • เกาหลีใต้ – สีสันแห่งการตอบแทน
    White Day ในเกาหลีใต้ได้รับความนิยมไม่แพ้วันวาเลนไทน์ วัยรุ่นเกาหลีให้ความสำคัญกับการเลือกของขวัญที่มีความหมายพิเศษ ย่านเมียงดงและฮงแดจะคลาคล่ำไปด้วยคนหนุ่มสาวที่มาเลือกซื้อของขวัญ ไม่ว่าจะเป็นลูกอมสีขาว เครื่องสำอาง หรือเครื่องประดับคาเฟ่และร้านขนมในเกาหลีมักจะออกเมนูพิเศษสำหรับ White Day โดยเฉพาะ เช่น เครื่องดื่มสีขาวสุดครีเอทีฟ ขนมหวานที่ตกแต่งด้วยธีมสีขาว และชุดกล่องของขวัญที่รวมทั้งขนมและเครื่องสำอางไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีการจัดคอนเสิร์ตพิเศษและอีเวนต์ต่างๆ ในวันนี้
  • ไต้หวัน – การผสมผสานวัฒนธรรม
    ไต้หวันนำเอาประเพณี White Day มาผสมผสานกับวัฒนธรรมท้องถิ่นได้อย่างลงตัว ห้างสรรพสินค้าและตลาดกลางคืนจะจัดพื้นที่พิเศษสำหรับจำหน่ายขนมท้องถิ่นสีขาว เช่น พุดดิ้งนมถั่วเหลือง ขนมพายสีขาว และชานมไข่มุกรสพิเศษ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง Taipei 101 และย่าน Ximending มักจัดงานเทศกาลพิเศษ มีการแสดงดนตรี การประดับไฟ และกิจกรรมสำหรับคู่รัก บางแห่งยังมีการจัดเวิร์คช็อปทำขนมและงานฝีมือสำหรับคู่รักที่ต้องการสร้างของขวัญด้วยตัวเองนอกจากนี้ ยังมีการจัดทัวร์พิเศษพาคู่รักไปยังจุดชมวิวสวยๆ และร้านอาหารที่มีเมนูพิเศษสำหรับ White Day โดยเฉพาะ ทำให้วันนี้กลายเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่ทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างตั้งตารอคอย
  • ฮ่องกง – การผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตก
    แม้ White Day จะเพิ่งเริ่มได้รับความนิยมในฮ่องกงไม่นานมานี้ แต่ก็ได้รับการตอบรับอย่างดี โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ จัดโปรโมชั่นพิเศษ ร้านค้าในย่าน Causeway Bay และ Tsim Sha Tsui ต่างนำเสนอสินค้าและของขวัญเฉพาะสำหรับเทศกาลนี้ร้านเบเกอรี่ชื่อดังหลายแห่งออกเมนูพิเศษที่ผสมผสานระหว่างขนมแบบตะวันตกกับรสชาติแบบเอเชีย เช่น มาการองรสชาเขียว เค้กสีขาวไส้ถั่วแดง หรือพายไข่ครีมสีขาว สะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของฮ่องกง

ของขวัญวันไวท์เดย์

ของขวัญและความหมาย

  • ช็อกโกแลตขาว
    • สื่อถึงความรักที่บริสุทธิ์และจริงใจ
    • เป็นของขวัญยอดนิยมอันดับหนึ่ง
  • มาร์ชเมลโล่
    • ของขวัญดั้งเดิมที่เริ่มต้นประเพณี White Day
    • สื่อถึงความนุ่มนวลและอ่อนโยน
  • เครื่องประดับ
    • แสดงถึงความจริงจังในความสัมพันธ์
    • มักเลือกใช้มุกหรือเพชรที่มีสีขาว
  • ขนมหวานสีขาวอื่นๆ
    • คุกกี้ มาการอง และขนมญี่ปุ่นดั้งเดิม
    • สื่อถึงความหวานของความสัมพันธ์

สรุป

วันไวท์เดย์ (White Day) เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจของการผสมผสานระหว่างการตลาดและวัฒนธรรม จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในญี่ปุ่น ได้พัฒนากลายเป็นประเพณีที่มีความหมายและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในหลายประเทศ วันนี้ไม่เพียงเป็นโอกาสในการตอบแทนความรู้สึก แต่ยังสะท้อนถึงคุณค่าของการให้และการแสดงความขอบคุณ รวมถึงความสำคัญของการรักษาสมดุลในความสัมพันธ์

แหล่งที่มาข้อมูล

  1. สถาบันวัฒนธรรมญี่ปุ่น (The Japan Foundation)
  2. หอการค้าญี่ปุ่น – รายงานเศรษฐกิจประจำปี
  3. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติญี่ปุ่น
  4. วารสารวัฒนธรรมเอเชียตะวันออก
  5. สมาคมผู้ประกอบการขนมญี่ปุ่น
Liger

Liger นักเขียนผู้หลงใหลในการแสวงหาความรู้และแบ่งปันสิ่งดีๆ สู่ผู้อื่น ด้วยความรักและสนในการเรียนรู้ค้นคว้าหาสิ่งใหม่เพื่อที่จะเผยแพร่ความรู้ ข้อมูล สาระดีคุณค่า นำมาถ่ายทอดในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและน่าติดตาม หวังว่าสิ่งที่ผมถ่ายทอดจะเป็นประโยชน์และสร้างคุณค่าให้กับผู้อ่านทุกคน ทำให้สังคมแห่งการเรียนรู้เติบโตและพัฒนาไปด้วยกัน

Leave a Response