close

เคล็ดไม่ลับ! เทคนิคเด็ดประหยัดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ได้สูงสุด 40%

เทคนิคเด็ดประหยัดค่าเบี้ยประกันรถยนต์

การทำประกันรถยนต์ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ขับขี่ทุกคนในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายแล้ว ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายหากเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน แต่หลายคนอาจกังวลเรื่องค่าเบี้ยประกันที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนเช่นนี้ การหา เทคนิคลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ

อย่างไรก็ตาม การจะได้ส่วนลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์นั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่รู้จักวิธีการและเลือกใช้ตัวเลือกที่เหมาะสม ก็สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องลดทอนความคุ้มครองที่จะได้รับ วันนี้เราจะมาแนะนำเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้คุณได้ประกันรถยนต์ในราคาที่ประหยัดกว่าเดิม

สร้างประวัติการขับขี่ที่ดี เพื่อโอกาสได้ส่วนลดพิเศษ

การมีประวัติการขับขี่ที่ดีถือเป็นปัจจัยสำคัญที่บริษัทประกันใช้พิจารณาในการให้ส่วนลด เพราะผู้ขับขี่ที่มีความระมัดระวังและไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำในการเคลมประกัน บริษัทประกันจึงมักให้ส่วนลดพิเศษเพื่อจูงใจให้ลูกค้ากลุ่มนี้ต่อประกันกับบริษัท

การสร้างประวัติการขับขี่ที่ดีทำได้โดย:

  • หลีกเลี่ยงการเคลมประกันในกรณีความเสียหายเล็กน้อย
  • ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
  • บำรุงรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอเพื่อลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุ

เลือกทุนประกันให้เหมาะสมกับอายุรถ

การเลือกทุนประกันที่เหมาะสมกับอายุและสภาพรถเป็นอีกวิธีที่ช่วยประหยัดค่าเบี้ยได้ โดยเฉพาะรถที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 5 ปีขึ้นไป การทำประกันด้วยทุนประกันที่ลดลงตามสภาพรถจะช่วยให้จ่ายเบี้ยประกันน้อยลง แต่ยังได้รับความคุ้มครองที่เพียงพอ

หลักการคำนวณทุนประกันตามอายุรถ:

  • รถใหม่ – 1 ปี: ทุนประกัน 100% ของราคารถ
  • รถอายุ 1-2 ปี: ลดทุนประกันเหลือ 90% ของราคารถ
  • รถอายุ 2-3 ปี: ลดทุนประกันเหลือ 80% ของราคารถ
  • รถอายุ 3-4 ปี: ลดทุนประกันเหลือ 70% ของราคารถ
  • รถอายุ 4-5 ปี: ลดทุนประกันเหลือ 60% ของราคารถ
  • รถอายุ 5 ปีขึ้นไป: ลดทุนประกันเหลือ 50% ของราคารถหรือต่ำกว่าตามสภาพ

ข้อควรพิจารณาในการเลือกทุนประกัน:

  1. สภาพการใช้งานจริงของรถ: รถที่ดูแลรักษาอย่างดีอาจเลือกทุนประกันสูงกว่าเกณฑ์ทั่วไปได้
  2. มูลค่าตลาดปัจจุบัน: ตรวจสอบราคาตลาดรถมือสองรุ่นเดียวกันเพื่อประเมินมูลค่าที่เหมาะสม
  3. ค่าใช้จ่ายในการซ่อมเฉลี่ย: รถบางรุ่นมีค่าอะไหล่และซ่อมแซมสูง ควรพิจารณาทุนประกันให้เพียงพอ
  4. ความเสี่ยงในการใช้งาน: หากใช้รถเป็นประจำหรือในพื้นที่เสี่ยง อาจต้องการทุนประกันที่สูงกว่าเกณฑ์

ข้อแนะนำเพิ่มเติม:

  • ควรปรับลดทุนประกันทุกปีตามอายุรถที่เพิ่มขึ้น
  • พิจารณาเลือกความคุ้มครองเพิ่มเติมที่จำเป็นแทนการทำทุนประกันสูงเกินไป
  • ตรวจสอบเงื่อนไขการจ่ายค่าสินไหมของแต่ละบริษัทประกันก่อนตัดสินใจ
  • หากรถมีการดัดแปลงหรือติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม ควรแจ้งบริษัทประกันและปรับทุนประกันให้เหมาะสม

ระบุผู้ขับขี่แบบเจาะจง

การระบุชื่อผู้ขับขี่หลักในกรมธรรม์สามารถช่วยลดเบี้ยประกันได้ โดยเฉพาะถ้าผู้ขับขี่มีอายุมากกว่า 25 ปีและมีประวัติการขับขี่ที่ดี บริษัทประกันจะประเมินความเสี่ยงได้แม่นยำขึ้นและอาจให้ส่วนลดพิเศษ

ข้อควรพิจารณาในการระบุผู้ขับขี่:

  • ควรระบุเฉพาะผู้ที่ขับรถเป็นประจำ
  • ผู้ขับขี่ควรมีใบอนุญาตขับขี่ที่ถูกต้อง
  • หากมีผู้ขับขี่หลายคน ควรระบุผู้ที่มีประวัติการขับขี่ดีที่สุด

ติดตั้งอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย

การติดตั้งอุปกรณ์เสริมเพื่อความปลอดภัยสามารถช่วยลดเบี้ยประกันได้ เช่น:

  • กล้องติดรถยนต์คุณภาพดีทั้งด้านหน้าและหลัง
  • ระบบ GPS ติดตามรถยนต์
  • ระบบเบรก ABS และถุงลมนิรภัย
  • ระบบกันขโมยที่ได้มาตรฐาน

เลือกความรับผิดส่วนแรก (Deductible)

การยอมรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรกจำนวนหนึ่งสามารถช่วยลดเบี้ยประกันได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะบริษัทประกันจะรับผิดชอบเฉพาะค่าเสียหายส่วนที่เกินจากจำนวนที่ตกลงไว้

ประเภทของความรับผิดส่วนแรก:

  1. ความเสียหายต่อตัวรถยนต์
    • ค่าเสียหายส่วนแรก 1,000 บาท: ลดเบี้ยประกัน 5-10%
    • ค่าเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท: ลดเบี้ยประกัน 10-15%
    • ค่าเสียหายส่วนแรก 3,000 บาท: ลดเบี้ยประกัน 15-20%
  2. ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก
    • ความเสียหายต่อทรัพย์สิน
    • ความเสียหายต่อชีวิตและร่างกาย
    • ค่าเสียหายส่วนแรกมักเริ่มต้นที่ 2,000-3,000 บาท

ข้อควรพิจารณาก่อนเลือก Deductible:

  • ความถี่ในการใช้รถ
  • พฤติกรรมการขับขี่
  • สภาพการจราจรในเส้นทางที่ใช้เป็นประจำ
  • ความพร้อมทางการเงินในการจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก
  • ประวัติการเคลมประกันที่ผ่านมา

ข้อดีของการมี Deductible:

  • ประหยัดค่าเบี้ยประกันได้มาก
  • เหมาะสำหรับผู้ขับขี่ที่มีความระมัดระวังสูง
  • มีเงินเก็บออมจากค่าเบี้ยประกันที่ลดลง
  • เหมาะกับรถที่มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุต่ำ

เปรียบเทียบราคาและแผนประกันจากหลายบริษัท

การเปรียบเทียบราคาและความคุ้มครองจากบริษัทประกันหลายๆ แห่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการหาข้อเสนอที่คุ้มค่าที่สุด แต่ละบริษัทมีการคำนวณเบี้ยประกันและโปรโมชั่นที่แตกต่างกัน

สิ่งที่ต้องเปรียบเทียบ:

  1. เบี้ยประกันภัย
    • ราคาสุทธิหลังหักส่วนลด
    • เงื่อนไขการผ่อนชำระ
    • ส่วนลดพิเศษต่างๆ
    • ค่าใช้จ่ายแอบแฝง
  2. ความคุ้มครอง
    • วงเงินคุ้มครองความเสียหาย
    • ขอบเขตความคุ้มครอง
    • ข้อยกเว้นที่สำคัญ
    • บริการเสริมพิเศษ
  3. เงื่อนไขการเคลม
    • ขั้นตอนการเคลม
    • ความรวดเร็วในการจ่ายค่าสินไหม
    • จำนวนศูนย์บริการหรืออู่คู่สัญญา
    • บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง

ข้อแนะนำในการเปรียบเทียบ:

  • เปรียบเทียบแผนประกันที่มีความคุ้มครองใกล้เคียงกัน
  • ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบริษัทประกัน
  • พิจารณาประสบการณ์จากผู้ใช้จริง
  • ศึกษาเงื่อนไขและข้อยกเว้นอย่างละเอียด
  • สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากตัวแทนหรือบริษัทโดยตรง

เลือกช่องทางการซ่อมรถที่เหมาะสม

เลือกช่องทางการซ่อมที่เหมาะสม

การเลือกซ่อมอู่คู่สัญญาแทนศูนย์บริการจะช่วยลดเบี้ยประกันได้มาก แต่ควรพิจารณาคุณภาพของอู่และความเชี่ยวชาญในการซ่อมรถรุ่นของคุณด้วย

เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียระหว่างซ่อมอู่และศูนย์:

ซ่อมอู่:

  • ประหยัดค่าเบี้ยประกันได้ 15-30%
  • ค่าแรงและค่าอะไหล่ถูกกว่า
  • มีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้อะไหล่
  • ระยะเวลาซ่อมอาจเร็วกว่าเนื่องจากขั้นตอนน้อยกว่า
  • เหมาะสำหรับรถที่พ้นระยะรับประกัน

ซ่อมศูนย์:

  • ได้อะไหล่แท้จากผู้ผลิตโดยตรง
  • ช่างผ่านการอบรมเฉพาะทาง
  • มีการรับประกันงานซ่อม
  • เหมาะสำหรับรถในประกันหรือรถใหม่
  • มีระบบการตรวจสอบคุณภาพที่ได้มาตรฐาน

ตารางสรุป เทคนิคลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์

วิธีการประหยัดค่าเบี้ย ประหยัดได้ประมาณ ข้อควรพิจารณา ระดับความยาก
สร้างประวัติการขับขี่ที่ดี 5-15% ต้องใช้เวลาสะสมประวัติอย่างน้อย 1-2 ปี ปานกลาง
ระบุผู้ขับขี่ 10-20% เหมาะกับผู้ขับขี่อายุ 25 ปีขึ้นไป ง่าย
ติดตั้งกล้องติดรถยนต์ 5-10% ต้องลงทุนซื้อกล้องคุณภาพดี ง่าย
เลือกซ่อมอู่ 15-30% ต้องเลือกอู่ที่ได้มาตรฐาน ง่าย
รับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรก 10-25% ต้องมีเงินสำรองกรณีเกิดอุบัติเหตุ ปานกลาง
ติดตั้งระบบ GPS 5-15% ต้องลงทุนติดตั้งและจ่ายค่าบริการรายเดือน ปานกลาง

สรุป

การประหยัดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่วางแผนและเลือกใช้วิธีการที่เหมาะสม ตั้งแต่การสร้างประวัติการขับขี่ที่ดี การติดตั้งอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย ไปจนถึงการเลือกความคุ้มครองและช่องทางการซ่อมที่เหมาะสม ทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณได้รับประกันรถยนต์ที่มีความคุ้มครองครบถ้วนในราคาที่ประหยัดกว่า

ที่มาข้อมูล:

Liger

Liger นักเขียนผู้หลงใหลในการแสวงหาความรู้และแบ่งปันสิ่งดีๆ สู่ผู้อื่น ด้วยความรักและสนในการเรียนรู้ค้นคว้าหาสิ่งใหม่เพื่อที่จะเผยแพร่ความรู้ ข้อมูล สาระดีคุณค่า นำมาถ่ายทอดในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและน่าติดตาม หวังว่าสิ่งที่ผมถ่ายทอดจะเป็นประโยชน์และสร้างคุณค่าให้กับผู้อ่านทุกคน ทำให้สังคมแห่งการเรียนรู้เติบโตและพัฒนาไปด้วยกัน