close

วิธีดูยางรถยนต์ เลือกอย่างมือโปรเพื่อความคุ้มค่าและปลอดภัย

วิธีดูยางรถยนต์ รหัสบนยางอ่านอย่างไร

การเรียนรู้ วิธีดูยางรถยนต์ อย่างถูกต้องเป็นทักษะสำคัญสำหรับผู้ขับขี่ทุกคน เพราะยางเป็นจุดสัมผัสเพียงจุดเดียวระหว่างรถยนต์กับพื้นถนน การเลือกและดูแลยางที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ แต่ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว นอกจากนี้ ยางที่มีคุณภาพและได้รับการดูแลอย่างถูกต้องยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน และยังช่วยให้การควบคุมรถมีประสิทธิภาพมากขึ้นในทุกสภาพถนนและสภาพอากาศ การเลือกยางที่เหมาะสมจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว ทั้งในแง่ของความปลอดภัยและประสิทธิภาพการใช้งาน

ในปัจจุบัน ตลาดยางรถยนต์มีความหลากหลายทั้งในด้านราคาและคุณภาพ ทำให้ผู้บริโภคอาจสับสนในการเลือกยางที่เหมาะสมกับรถและการใช้งานของตน บทความนี้จะแนะนำวิธีดูยางรถยนต์อย่างละเอียด เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและคุ้มค่าที่สุด ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการผลิตยางในปัจจุบัน ทำให้มีตัวเลือกยางที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งยางที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานเฉพาะทาง ยางประหยัดพลังงาน หรือยางสมรรถนะสูง การเข้าใจถึงคุณสมบัติและข้อดีข้อเสียของยางแต่ละประเภทจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถเลือกยางที่เหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานและงบประมาณของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1. เจาะลึกวิธีดูรหัสบนยางรถยนต์

การอ่านและเข้าใจรหัสบนยางรถยนต์เป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญสำหรับทุกคน รหัสเหล่านี้บอกข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับขนาด ความสามารถในการรับน้ำหนัก และความเร็วสูงสุดที่ยางสามารถรองรับได้

วีธีอ่านเลขรหัสบนยางรถยนต์

ตัวอย่างเช่น รหัส 215/55R17 94V สามารถแยกองค์ประกอบได้ดังนี้:

  • ความกว้างของยาง (Section Width)
    • ตัวเลข “215” หมายถึงความกว้างของยางในหน่วยมิลลิเมตร
    • เป็นระยะจากขอบยางด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง
    • ยิ่งตัวเลขมาก ยางยิ่งกว้าง ให้พื้นผิวสัมผัสถนนมากขึ้น
  • อัตราส่วนความสูง (Aspect Ratio)
    • ตัวเลข “55” คืออัตราส่วนความสูงของแก้มยางเทียบกับความกว้าง
    • คิดเป็น 55% ของความกว้างยาง
    • ยางแก้มเตี้ยจะมีตัวเลขน้อย เช่น 45 หรือ 40 เหมาะกับรถสปอร์ต
    • ยางแก้มสูงจะมีตัวเลขมาก เช่น 65 หรือ 70 เหมาะกับรถทั่วไป
  • โครงสร้างยาง (Construction)
    • “R” หมายถึงยางเรเดียล (Radial) ซึ่งเป็นโครงสร้างยางแบบมาตรฐานในปัจจุบัน
    • โครงสร้างแบบเรเดียลมีเส้นใยวางตัวในแนวรัศมีจากขอบยางด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง
    • ให้ความนุ่มนวลและการยึดเกาะถนนที่ดีกว่าโครงสร้างแบบเก่า
  • ขนาดวงล้อ (Rim Diameter)
    • ตัวเลข “17” คือขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของวงล้อในหน่วยนิ้ว
    • ต้องเลือกให้ตรงกับขนาดล้อของรถ
    • ไม่สามารถใช้ยางที่มีขนาดวงล้อต่างจากที่ผู้ผลิตกำหนดได้
  • ดัชนีการรับน้ำหนัก (Load Index)
    • ตัวเลข “94” บ่งบอกความสามารถในการรับน้ำหนักสูงสุดของยาง
    • แต่ละตัวเลขมีค่าการรับน้ำหนักที่แตกต่างกัน
    • เช่น 94 รับน้ำหนักได้ 670 กิโลกรัมต่อเส้น
    • ควรเลือกค่าที่เท่ากับหรือมากกว่าที่ผู้ผลิตรถแนะนำ
  • รหัสความเร็ว (Speed Rating)
    • ตัว “V” บ่งบอกความเร็วสูงสุดที่ยางสามารถรองรับได้อย่างปลอดภัย
    • แต่ละตัวอักษรมีค่าความเร็วที่แตกต่างกัน
    • เช่น V รองรับความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม.
    • H รองรับได้ 210 กม./ชม.
    • T รองรับได้ 190 กม./ชม.

การเข้าใจความหมายของรหัสเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกยางได้ถูกต้องตามข้อกำหนดของรถยนต์ และเหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานของคุณ นอกจากนี้ ยังมีรหัสเพิ่มเติมที่อาจพบได้บนยาง เช่น:

  • วันที่ผลิต (DOT Code)
    • แสดงสัปดาห์และปีที่ผลิตยาง
    • เช่น “2023” หมายถึงผลิตในสัปดาห์ที่ 20 ปี 2023
    • ไม่ควรซื้อยางที่ผลิตมานานเกิน 6 ปี
  • ทิศทางการหมุน (Rotation Direction)
    • สัญลักษณ์ลูกศรบ่งบอกทิศทางการหมุนของยาง
    • ต้องติดตั้งให้ถูกทิศทางเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

ตารางรหัสความเร็ว (Speed Rating)

รหัส ความเร็วสูงสุด (กม./ชม.) การใช้งานทั่วไป
L 120 รถบรรทุก รถเพื่อการเกษตร
M 130 รถบรรทุกเบา
N 140 รถตู้ รถขนส่ง
P 150 รถยนต์นั่งทั่วไป
Q 160 รถยนต์นั่งทั่วไป
R 170 รถยนต์นั่งทั่วไป รถครอบครัว
S 180 รถยนต์นั่ง รถเก๋ง
T 190 รถยนต์นั่ง รถเก๋ง รถครอบครัว
U 200 รถยนต์สมรรถนะปานกลาง
H 210 รถยนต์สมรรถนะสูง รถสปอร์ต
V 240 รถยนต์สมรรถนะสูง รถสปอร์ต
W 270 รถสปอร์ต รถหรู
Y 300 รถสปอร์ตสมรรถนะสูง
ZR >240 รถสปอร์ตสมรรถนะสูงพิเศษ

ตารางโครงสร้างยาง (Construction Type)

รหัส ประเภท คุณลักษณะ การใช้งาน
R Radial (เรเดียล) – โครงสร้างผ้าใบวางตัวในแนวรัศมี
– ทนความร้อนดี
– ประหยัดน้ำมัน
– สมรรถนะสูง
รถยนต์ทั่วไปทุกประเภทในปัจจุบัน
B Bias Belted (เบลเต็ด) – โครงสร้างเสริมความแข็งแรง
– ทนทานต่อการรับน้ำหนัก
– เหมาะกับงานหนัก
รถบรรทุก รถแทรกเตอร์
D Diagonal (ผ้าใบ) – โครงสร้างผ้าใบทำมุม 30-40 องศา
– รูปแบบเก่า
– ไม่เหมาะกับความเร็วสูง
แทบไม่มีใช้ในปัจจุบัน

 

2. ประเภทของยางรถยนต์

ยางรถยนต์มีหลายประเภทที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่แตกต่างกัน:

  • ยางออลซีซั่น (All-Season Tires)
    • เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปในทุกสภาพอากาศ
    • มีอายุการใช้งานยาวนาน
    • ให้สมรรถนะที่สมดุลทั้งในถนนแห้งและเปียก
  • ยางสมรรถนะสูง (Performance Tires)
    • ออกแบบสำหรับรถสมรรถนะสูง
    • ให้การยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม
    • เหมาะกับการขับขี่ที่ใช้ความเร็วสูง
  • ยางประหยัดน้ำมัน (Eco Tires)
    • ช่วยลดแรงต้านการหมุน
    • ประหยัดน้ำมันมากกว่ายางทั่วไป
    • เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

3. ปัจจัยในการเลือกยางรถยนต์

การเลือกยางรถยนต์ที่เหมาะสมต้องพิจารณาปัจจัยหลายประการ โดยเฉพาะรูปแบบการใช้งานและสภาพแวดล้อมที่คุณขับขี่เป็นประจำ ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาได้แก่ สภาพถนนที่ใช้งานบ่อย ระยะทางที่ขับต่อปี และงบประมาณที่มี นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงสภาพภูมิอากาศในพื้นที่ที่คุณอาศัยอยู่ เพราะจะส่งผลต่อประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของยาง

4. การคำนวณค่าเสียหายส่วนแรก

การเลือกยางที่เหมาะสมยังเกี่ยวข้องกับการประกันภัยและค่าเสียหายส่วนแรก ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ผู้เอาประกันต้องรับผิดชอบเองเมื่อเกิดความเสียหาย การเลือกยางคุณภาพดีอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และส่งผลต่อการคำนวณเบี้ยประกันในปีถัดไป โดยทั่วไป ค่าเสียหายส่วนแรกจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของทุนประกัน หรือเป็นจำนวนเงินที่กำหนดไว้แน่นอน

5. การดูแลรักษายางรถยนต์

การดูแลรักษายางอย่างถูกต้องจะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาประสิทธิภาพของยาง:

  • การตรวจสอบแรงดันลมยาง
    • ควรตรวจสอบแรงดันลมยางอย่างน้อยเดือนละครั้ง
    • ตรวจสอบในขณะที่ยางเย็น
    • รักษาแรงดันลมยางตามค่าที่ผู้ผลิตแนะนำ
  • การสลับยาง
    • ควรสลับยางทุก 10,000 กิโลเมตร
    • ช่วยให้ยางสึกหรออย่างสม่ำเสมอ
    • ยืดอายุการใช้งานของยาง

6. เทคนิคการประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อยาง

การเลือกซื้อยางรถยนต์ให้คุ้มค่าไม่ได้หมายถึงการเลือกยางที่ราคาถูกที่สุดเสมอไป ควรพิจารณาถึงอายุการใช้งาน ประสิทธิภาพ และการประหยัดน้ำมันด้วย บางครั้งการลงทุนกับยางคุณภาพดีอาจช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้มากกว่า เพราะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าและช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีกว่า

7. ข้อควรระวังในการเลือกซื้อยางรถยนต์

การเลือกซื้อยางรถยนต์ต้องระมัดระวังเรื่องของยางปลอมหรือยางเก่าเก็บ ควรซื้อจากร้านที่เชื่อถือได้และตรวจสอบวันที่ผลิตบนยางทุกครั้ง นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการซื้อยางที่มีอายุเกิน 6 ปีนับจากวันที่ผลิต เพราะยางเสื่อมสภาพตามกาลเวลาแม้จะยังไม่ได้ใช้งาน

8. การบำรุงรักษาเพื่อยืดอายุการใช้งาน

การบำรุงรักษายางอย่างสม่ำเสมอไม่เพียงช่วยยืดอายุการใช้งาน แต่ยังช่วยรักษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการขับขี่ ควรหมั่นตรวจสอบการสึกหรอ ความผิดปกติของดอกยาง และทำการตั้งศูนย์ถ่วงล้อตามระยะเวลาที่กำหนด การดูแลที่ดีจะช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง

ทำความเข้าใจกับ รหัสบนยางรถยนต์

 

ยางรถยนต์เกี่ยวข้องกับการคำนวณค่าเสียหายส่วนแรกอย่างไร

ยางรถยนต์มีความสัมพันธ์โดยตรงกับการคำนวณค่าเสียหายส่วนแรกในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ เนื่องจากสภาพยางที่ไม่ดีอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งส่งผลต่อการเรียกร้องค่าสินไหมและการคำนวณค่าเสียหายส่วนแรก บริษัทประกันจะพิจารณาสภาพยางเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการประเมินความเสี่ยง โดยหากเกิดอุบัติเหตุที่มีสาเหตุมาจากสภาพยางที่ไม่ปลอดภัย อาจส่งผลต่อการพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนและการคำนวณค่าเสียหายส่วนแรกในครั้งต่อไป

ความสัมพันธ์ระหว่างยางรถยนต์กับค่าเสียหายส่วนแรกมีดังนี้:

  • ยางรถยนต์มีผลต่อเบี้ยประกัน
    • สภาพยางที่ไม่ดีอาจทำให้เบี้ยประกันในปีถัดไปสูงขึ้น
    • บริษัทประกันอาจเพิ่มค่าเสียหายส่วนแรกหากพบว่ามีการใช้ยางที่ไม่ได้มาตรฐาน
    • การดูแลยางที่ดีอาจช่วยลดค่าเบี้ยประกันในระยะยาว
  • การพิจารณาสินไหมทดแทน
    • บริษัทประกันจะตรวจสอบสภาพยางเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
    • หากพบว่ายางสึกหรอเกินมาตรฐาน อาจมีผลต่อการจ่ายค่าสินไหม
    • การใช้ยางผิดประเภทอาจทำให้การเคลมประกันมีความยุ่งยากมากขึ้น
  • การกำหนดค่าเสียหายส่วนแรก
    • รถที่ใช้ยางตามมาตรฐานอาจได้รับการพิจารณาค่าเสียหายส่วนแรกในอัตราปกติ
    • การใช้ยางที่ไม่ได้มาตรฐานอาจทำให้ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรกในสัดส่วนที่สูงขึ้น
    • บางบริษัทประกันอาจมีส่วนลดค่าเสียหายส่วนแรกสำหรับรถที่มีการดูแลยางอย่างสม่ำเสมอ
  • การป้องกันและลดความเสี่ยง
    • การตรวจสอบสภาพยางอย่างสม่ำเสมอช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุ
    • การเปลี่ยนยางตามกำหนดช่วยรักษาสิทธิ์ในการเคลมประกัน
    • การเก็บประวัติการดูแลยางเป็นหลักฐานสำหรับการต่อรองค่าเสียหายส่วนแรก

สรุป

การเลือกยางรถยนต์ที่เหมาะสมเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการขับขี่ การพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ ตั้งแต่ขนาด ประเภท ไปจนถึงการคำนวณค่าเสียหายส่วนแรก จะช่วยให้คุณได้ยางที่เหมาะสมกับการใช้งานและงบประมาณ การดูแลรักษาอย่างถูกต้องจะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาประสิทธิภาพของยางให้ดีที่สุด

ที่มาข้อมูล:

  1. สมาคมยานยนต์แห่งประเทศไทย
  2. ศูนย์วิจัยและพัฒนายางไทย
  3. สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร
  4. คู่มือการดูแลรักษารถยนต์ กรมการขนส่งทางบก
  5. วารสารยานยนต์ไทย
Liger

Liger นักเขียนผู้หลงใหลในการแสวงหาความรู้และแบ่งปันสิ่งดีๆ สู่ผู้อื่น ด้วยความรักและสนในการเรียนรู้ค้นคว้าหาสิ่งใหม่เพื่อที่จะเผยแพร่ความรู้ ข้อมูล สาระดีคุณค่า นำมาถ่ายทอดในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและน่าติดตาม หวังว่าสิ่งที่ผมถ่ายทอดจะเป็นประโยชน์และสร้างคุณค่าให้กับผู้อ่านทุกคน ทำให้สังคมแห่งการเรียนรู้เติบโตและพัฒนาไปด้วยกัน